นอกจากการจัดการความปลอดภัยทั่วไปในโรงงานแล้ว ในปัจจุบันมีการนำระบบ AI มาใช้งานในภาคอุตสาหกรรมเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยในโรงงาน เพราะ AI สามารถตรวจสอบและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของพนักงาน รวมทั้งมีระบบ Computer Vision ในการจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นของอุปกรณ์ในโรงงาน สิ่งแวดล้อม เช่น ความชื้น อุณหภูมิ การสั่นสะเทือน ที่อาจก่ออุบัติเหตุที่ไม่พึงประสงค์ภายในที่ทำงานได้ ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุและปัญหาระหว่างการปฏิติงาน ส่งเสริมมาตรฐานของโรงงานและการผลิตได้
ประโยชน์ของ AI Safety ในโรงงาน
ด้วยประสิทธิภาพของ AI Safety ในโรงงาน ทำให้ถูกนำมาใช้เสริมความปลอดภัยในที่ทำงานมากขึ้น ซึ่ง AI Safety มีประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัยในโรงงาน ดังนี้
1. ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
ระบบ AI อัตโนมัติช่วยตรวจสอบความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ (Real-time) โดยสามารถระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและจัดการความเสี่ยงเชิงรุกด้วยกล้องและเซนเซอร์อัจฉริยะ โดยผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์ได้จาก AI เพื่อตรวจสอบสภาพการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่มผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อ AI สามารถตรวจจับความผิดปกติแบบเรียลไทม์และสามารถแจ้งได้ทันที ทำให้นายจ้างสามารถตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาการรักษาความปลอดภัยในโรงงานได้ท่วงที ลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นและทำให้แน่ใจว่าสามารถดำเนินงานต่อได้ผลลัพธ์ตามกระบวนการปกติ และสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานในการทำงานให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ AI เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อม เช่น คุณภาพอากาศ อุณหภูมิ และความชื้น เพื่อให้แน่ใจว่าสภาพการทำงานอยู่ภายในขีดจำกัดที่ปลอดภัย และช่วยป้องกันปัญหาด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมได้
2. ตรวจสอบการทำงานให้ถูกต้อง
แน่นอนว่าการตรวจสอบการทำงานให้ถูกต้องจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในโรงงาน และลดโอกาสการเกิดอันตรายต่างๆ ที่มาจากการทำงานผิดปกติของเครื่องจักร รวมถึงข้อผิดพลาดและอุบัติเหตุ โดย AI สามารถประมวลผลข้อมูลและรูปแบบการทำงานที่ถูกต้องอย่างถูกวิธีได้ เพื่อระบุแนวโน้มหรือการผิดปกติของอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ระบบ AI ช่วยวัดพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความดัน การสั่นสะเทือน และอื่นๆ ความผิดปกติในการวัดเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง เพื่อแก้ไขและเตรียมรับมือป้องกันเหตุการณ์ครั้งต่อไป
3. แจ้งเตือนเมื่อมีแนวโน้มของความเสี่ยง
วิธีการหลักที่ระบบความปลอดภัยของ AI ตรวจจับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น คือ การตรวจจับผ่านระบบ Computer Vision โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยให้ AI มองเห็นพื้นที่ในโรงงาน ช่วยเพิ่มการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ เช่น สังเกตพนักงานที่อาจไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่เหมาะสม ในโซนความปลอดภัยที่กำหนด นอกจากนี้ AI ที่ใช้ Computer Vision ยังสามารถปิดอุปกรณ์ จำกัดการเข้าถึงบางพื้นที่ และแจ้งเตือนพนักงาน หากเห็นหรือคาดการณ์ความผิดปกติด้านความปลอดภัยในโรงงาน อย่างไรก็ตาม AI ไม่สามารถทดแทนการฝึกอบรมแบบปกติได้ แต่สามารถใช้ Computer Vision เป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้จัดการโรงงานสามารถใช้ตรวจสอบสายการผลิต เพื่อควบคุมคุณภาพและทำให้โรงงานปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
4. สอดส่องการทำงาน พร้อมสรุปข้อมูลเป็นแดชบอร์ด
AI ช่วยให้ผู้ผลิตเพิ่มความปลอดภัยในโรงงานให้แก่พนักงานด้วยระบบการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งระบบ AI สามารถติดตามจำนวนเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของพนักงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คำเตือน หรือการฝ่าฝืนกฏ จากนั้น AI สามารถนำข้อมูลนี้ไปรวมกับข้อมูลพนักงานแต่ละคน เพื่อบันทึกความปลอดภัยของพนักงานแบบองค์รวม เช่น ประสบการณ์การทำงาน กะชั่วโมงทำงาน และหน่วยวัดที่รวบรวมจากอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิร่างกาย ความเครียดของกล้ามเนื้อ และจำนวนน้ำหนักที่พนักงานยกต่อกะ ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ทำความเข้าใจพนักงาน และรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานให้ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อพิจารณาว่าพนักงานคนใดต้องการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม และเพื่อจับคู่พนักงานกับงานตามทักษะและความสามารถทางกายภาพได้ดียิ่งขึ้น
5. ช่วยลดต้นทุนในการผลิต
AI Safety ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพราะสามารถป้องกันข้อผิดพลาดและควบคุมการผลิตให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีคุณภาพและรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุที่มีใช้จ่ายสูง เช่น อุปกรณ์เสียหาย การบาดเจ็บ ข้อบกพร่องหรือความล่าช้าในการผลิต โดยอัลกอริทึมของ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตโดยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อระบุจุดที่ต้องปรับปรุง นำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พลังงาน ต้นทุนการดำเนินงาน และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อ้างอิง https://www.dia.co.th/articles/manufacturing-workplace-safety/